วิธีการเลือกซื้อแหวนแต่งงาน เลือกอย่างไรให้ได้แหวนเพชรที่มีคุณภาพ

วิธีการเลือกซื้อแหวนแต่งงาน

การเลือกซื้อแหวนแต่งงานนั้น ว่าที่คู่แต่งงานควรเลือกดีไซน์แหวนที่ชอบก่อน ว่าชอบแบบไหน แบบเรียบๆหรือแบบที่มีดีเทลเยอะหน่อย จากแล้วค่อยหาความรู้เรื่องการเลือกซื้อเพชร ว่าเพชรที่สวย เพชรที่มีรูปร่างดี มีลักษณะแบบใด เพราะการเลือกซื้อแหวนแต่งงานเราสามารถเลือกได้ว่า เลือกเพชรก่อนเลือกตัวเรือน ดังนั้นก่อนที่จะเดินเข้าไปเลือกซื้อแหวนแต่งงาน จึงควรจะหาข้อมูลไว้ก่อนเพื่อที่จะได้เพชรที่สวยและตรงใจค่ะ ซึ่ง ร้านเพชรอนันทา มีคำแนะนำในการเลือกซื้อแหวนแต่งงานดังนี้

1. ควรตั้งงบประมาณในใจในการเลือกซื้อแหวนเพชรแต่งงาน ก่อนที่จะไปเลือกซื้อควรมีงบประมาณคร่าวๆ เพื่อให้พนักงานขายสามารถแนะนำแหวนเพชร ตรงกับงบที่เราตั้งไว้ ได้ตรงกับความต้องการ ซึ่งราคานี้จะเป็นตัวกำหนดว่าเราต้องการแหวนเพชร หรือเพชรไซส์ไหน โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกหลอกเรื่องราคา เพราะถ้าหากเราซื้อเพชรที่มีใบเซอร์รับรองสากล เพชรที่สวยคุณภาพดี หรือ 4C มักจะมีราคากลางกำหนดไว้เช่นกัน

2. การเลือกเพชร (ตัวเพชร) การเลือกเพชรที่สวยนั้น มีขั้นตอนที่ไม่ยากเลย เพราะเพียงแค่มี 4 c เท่านั้น คือ C= Color สี, C=Carat Weight น้ำหนักกะรัต ,C = Cut การเจียระไน , C= Clarity ความสะอาด ซึ่งหากเลือกเพชรได้ครบสมบูรณ์ตามแบบนี้แล้ว คุณก็มีเพชรที่สวยและสมบูรณ์แบบแล้วค่ะ สำหรับรายละเอียดหลักๆของ 4c มีดังนี้

Carat Weight น้ำหนักกะรัต

Carat กะรัต คือหน่วยที่ใช้ชั่งน้ำหนักของเพชร โดยเพชร 1 กะรัต มีน้ำหนักเท่ากับ 200 มิลลิกรัม หากเพชรที่มีขนาดต่ำกว่า 1 กะรัต จะใช้หน่วยเป็น สตางค์ (Point) ซึ่งเพชร 1 กะรัต จะแบ่งเป็น 100 สตางค์ และยิ่งเพชรมีขนาดใหญ่หายากก็ยิ่งมีราคาสูง

Cut การเจียระไน

การเจียระไนมีผลต่อน้ำหนักของเพชร ที่ช่างเจียพยายามรักษาความสวยงามของเพชรไว้ และหากสามารถทำให้เพชรมีความสวยและน้ำหนักของเพชรไว้ได้ด้วย ก็จะทำให้เพชรเม็ดนั้นมีมูลค่ามากขึ้น การเจียระไนที่ดีจะช่วยส่งเสริมให้เพชรมีประกายแวววาวเมื่อกระทบกับแสง สำหรับการเลือกเพชรแบ่งออกเป็น 2 เรื่องดังนี้

2.1 รูปทรงของเพชร ซึ่งรูปทรงของเพชรมีหลายแบบ เช่น ทรง Emerald Princess Heart Oval ฯ แต่รูปทรงที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือทรงกลม (round) เพราะเมื่อเจียระไนออกมาแล้ว เพชรจะสวยและส่องประกายมากที่สุด และที่สำคัญเพชรทรงกลมจะมีสิ่งที่เรามองได้จากกล้องที่เรียกว่า H&A หรือ Hearts and Arrows ที่ครบและสมมาตร เรียกได้ว่าเป็นเพชรที่สมบูรณ์แบบที่สุด

2.2 สัดส่วนของเพชร หลังจากที่ได้เลือกรูปทรงของเพชรมาแล้ว ต่อไปก็เรื่องของสัดส่วนในการเจียระไน เพราะเจียระไน เพราะ เพชรนั้นเกิดจากธรรมชาติจึงมีรูปทรงที่ไม่เท่ากัน การเจียระไนที่ดีนั้นต้องไม่ลึกไป กว้างเกินไป หรือแคบเกินไป ควรจะมีสัดส่วนที่พอดี ซึ่งงการเจียระไนนี้เป็นส่วนสำคัญในการสะท้อนของแสงภายใน การที่เราเห็นเพชรระยิบระยับ และอีกหนึ่งตัวช่วยที่ช่วยทำให้เราเลือกเพชรให้ตรงใจ เราสามารถเลือกเพชรที่มีใบเซอร์ GIA* ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล เพราะเพชรที่ดีจะต้องได้เกรดเป็น excellent ตรง Cut Grade, Polish และ Symmetry และหาก 3 สิ่งนี้ได้ Excellent เราจะเรียกเพชรเม็ดนั้นว่าเป็นเพชร 3 excellent (มีความหมายว่าเจียระไนได้สมบูรณ์แบบนัันเอง)

Color สี

Color สีของเพชร หรือคนทั่วไปเรียกว่าน้ำ เช่น เพชรเม็ดนี้น้ำงามหรือไม่ ซึ่งของเพชรตามธรรมชาตินั้นมักมีหลายสี สำหรับสีที่ได้รับความนิยมคือสีขาวใส เพชรสีขาวจะมีระดับตั้งแต่ D color คือน้ำ 100 ซึ่งเป็นเพชรที่ไร้สี (มักจะมีราคาสูง) และมีไล่ระดับไปเรื่อยๆ ตามตัวอักษรภาษาอังกฤษ E น้ำ 99, F น้ำ 98, G น้ำ 97, H น้ำ 96 ไล่จนถึง Z ซึ่งตัวอักษรสุดท้ายเพชรจะมีสีเหลืองเข้มหรือเรียกอีกอย่างว่าเพชรแฟนซี

“ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นจุดเล็กๆหรือรอยขีดในตัวเพชร

ซึ่งจะบ่งบอกถึงความสะอาดของเพชรเม็ดนั้น”

Clarity ความสะอาด

ความสะอาดหรือ Clarity คือตำหนิของเพชรที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เป็นจุดมลทินเล็กๆภายในที่ไม่สามารถลบออกได้ ซึ่งเพชรที่ไม่มีตำหนิจึงมีราคาที่สูงกว่า โดยมีการไล่ระดับความสะอาดของเพชรดังนี้ IF, VVS1, VVS2, VS1, VS2, SI1, SI2, I1, I2, I3

3. ตรวจสอบคุณภาพเพชร ด้วยใบการันตีหรือใบเซอร์รับรอง เพราะการซื้อแหวนเพชรนั้น ควรจะมีใบการันตี ใบเซอร์มาด้วย โดยปกติร้านค้าที่มีมาตรฐานควรมีใบรับรอง ส่วนใบเซอร์หรือใบ Certificate ที่บอกรายละเอียดของเพชรแต่ละเม็ดและผ่านการตรวจสอบ ซึ่งมีข้อมูลทางเทคนิคอย่างละเอียด ขนาด สี ตำหนิ และการเจียระไน จาก GIA* การตรวจสอบเบื้องต้นเพียงแค่ใช้กล้องส่องไปที่เพชร ตรงที่มีสลักตัวเลข แล้วนำมาเทียบกับใบเซอร์ เพื่อเป็นการยืนยันว่าเพชรที่เราส่องอยู่เป็นเม็ดเดียวกันกับที่รายละเอียดในใบเซอร์ระบุและมีคุณสมบัติตามที่ในใบเซอร์ลงไว้

4. การเลือกแหวน ควรเลือกแบบแหวนไว้ในใจก่อนที่จะนำเอาเพชรที่ได้มาไปประกอบตัวเรือน สำหรับการเลือกตัวเรือนนั้น แบ่งออกเป็น 2 เรื่องนั้นนี้ คือดีไซน์ของตัวเรือนและวัสดุที่ใช้ทำตัวเรือน

วัสดุที่ใช้ทำตัวเรือน สำหรับวัสดุทำตัวเรือน มี 3 ประเภท คือ ทองคำขาว ทอง และพิงค์โกลด์ โดยทางลูกค้าสามารถเลือกได้ตามความพอใจ ส่วนทองคำขาวมักจะได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากการที่ตัวเรือนเป็นสีเงินหรือขาวจะยิ่งทำให้เพชรดูเด่นแวววาว

ดีไซน์ของตัวเรือน แบบของตัวเรือนแหวนนั้น มีหลายประเภท เช่น ตัวเรือนชูเพชร ตัวเรือนฝังเพชร ตัวเรือนเพชรล้อมเม็ดกลาง ซึ่งตรงนี้ลูกค้าสามารถเลือกได้ตามความชอบของแต่ละคน

5. บริการหลังการขาย เนื่องจากแหวนแต่งงานเป็นสิ่งที่ซื้อแล้ว คู่แต่งงานทั่วไปมักจะสวมแหวนติดนิ้วตลอดเวลา ซึ่งตรงนี้จะมีร่องรอยการใช้งานและเมื่อใช้งานไปเรื่อยๆอาจจะไม่สวยงามเท่าตอนแรกที่ซื้อมา ดังนั้นการบริการหลังการขายจากร้าน เช่น การทำความสะอาดตัวเรือน การปรับไซส์แหวน การซ่อมแซม จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ซื้อไม่ควรมองข้าม

ขอบคุณบทความจาก ร้านเพชรอนันทา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

ร้าน Ananta Fine Jewelry

สาขา เซ็นทรัลเวิลด์ ห้อง D112-113 ชั้น 1 โซน Dazzle โทร : 02-613-1377

สาขา เซ็นทรัล ลาดพร้าว ห้อง 346/1 ชั้น 3 โทร: 02-102-4567

สาขา เซ็นทรัลพลาซ่า แกรนด์ พระราม 9 ห้อง 222/1 ชั้น 2 โทร: 02-103-4567

Email: