เจาะกลยุทธ์ “ระวิภา” ปั้นยอดขายช้อปปิ้งออนไลน์สวนเศรษฐกิจยุคโควิด-19

โดยหลังจากเปิดตัวคอลเลกชั่น “ระวิภา รีมายเดอร์” (RAVIPA Reminder) หรือ สร้อยข้อมือศักดิ์สิทธิ์ ได้เพียงไม่นาน ก็ได้รับกระแสตอบรับอย่างท่วมท้นจากเหล่าคนดังทั่วทุกวงการที่เลือกสวมใส่สร้อยข้อมือศักดิ์สิทธิ์นี้ อาทิ แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์, เจนี่ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร, ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์, มิ้นต์-ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง, โบว์-เมลดา สุศรี, หมอเจี๊ยบ-ลลนา ก้องธรนินทร์, กอล์ฟ - พิชญะ นิธิไพศาลกุล, ไมค์ - พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล และมินนี่ (G)I-DLE ซึ่ง “ระวิภา” (RAVIPA) ก็ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากอีกครั้ง เมื่อไอดอลชื่อดังระดับโลกอย่าง “ลิซ่า BLACKPINK” ได้สวมใส่เครื่องประดับจากคอลเลกชั่นดังกล่าว ซึ่งนับเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้แบรนด์ “ระวิภา” (RAVIPA) สามารถเข้าถึงผู้บริโภคที่ไม่ใช่เพียงในประเทศเท่านั้น แต่แบรนด์ได้กลายเป็นที่รู้จักในระดับโลกได้อย่างรวดเร็ว

โดยจะเห็นได้ว่าการที่มี Influencer ผู้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคหันมาใช้ของจากทางแบรนด์นั้น สามารถสร้างยอดขาย และทำให้แบรนด์เติบโตได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับกลยุทธ์ของทางแบรนด์ที่มีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในช่วงสถานการณ์โควิด-19

สำหรับกลยุทธ์ด้านการตลาดของ “ระวิภา” (RAVIPA) นั้นประกอบไปด้วย 5 แกนหลักด้วยกัน ได้แก่ Direct to Consumer มุ่งการขายสู่ออนไลน์เต็มรูปแบบ เมื่อพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ ยนไปจากนโยบายล็อกดาวน์ของรั ฐบาล ที่คนส่วนใหญ่หันมาใช้จ่ายผ่ านทางออนไลน์อย่างเต็มรูป ด้าน “ระวิภา” (RAVIPA) ซึ่งแม้ที่ผ่านมาทางแบรนด์จะมี ช่องทางการจำหน่ายในเฟสบุ๊ค, ไลน์ ออฟฟิเชียล, อินสตาแกรม และเว็บไซต์อยู่แล้ว ก็ยังไม่เพียงพอ เพราะผู้บริโภคหันมานิยมซื้อสิ นค้าผ่านแพลตฟอร์มช้อปปิ้ งออนไลน์กันมากขึ้น ทางแบรนด์จึงมุ่งสู่ตลาดอีมาร์ เก็ต เปิดการจำหน่ายทาง Shopee และ Lazada เพื่อหวังเข้าถึงผู้บริโภคอย่ างเต็มรูปแบบ

Sincerity ความจริงใจต่อลูกค้า สำหรับ “ระวิภา” (RAVIPA) ความจริงใจที่มีเริ่มตั้งแต่ขั้ นตอนแรกที่แบรนด์ออกแบบเครื่ องประดับ โดยคำนึงถึงความถูกต้องในลั กษณะตามหลักโหราศาสตร์ และฮวงจุ้ยในการออกแบบ รวมไปการใช้งานที่ต้ องสามารถสวมใส่ได้จริงในชีวิ ตประจำวันอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ ได้คือคุณภาพของวัสดุที่เลื อกใช้พลอยแท้ นำเข้าจากทั่วทุกมุมโลก

Empathy ความเข้าใจลูกค้า พนักงานทุกคนจะต้องถูกเทรนด์ให้ มองเห็นลูกค้าเหมือนเป็ นคนในครอบครัว “ระวิภา” (RAVIPA) จะไม่เลือกขายของที่แพงที่สุ ดให้กับลูกค้า แต่จะแนะนำสิ่งที่ดี และเหมาะสมที่สุด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลู กค้าทุกคนอย่างแท้จริง ซึ่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ทาง “ระวิภา” (RAVIPA) ต้องใช้ช่องทางออนไลน์ในการดู แลลูกค้า ทางแบรนด์ได้มีการทำ Video Call Shopping ในรูปแบบของ Visual ที่ลูกค้าสามารถมาสั่งซื้อสินค้ า และพูดคุยกับพนักงานขายได้ เสมือนไปซื้อสินค้าจากหน้าร้าน รวมถึงการ Live และมีพนักงานคอยให้บริ การตอบคำถามลูกค้าอยู่ตลอดเวลา

Word of Mouth การตลาดที่ได้ผลดีที่สุด และใช้งบน้อยที่สุด โดย “ระวิภา” (RAVIPA) เผยว่า กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบสร้อยข้ อมือ มักจะบอกต่อถึงผลลัพธ์หลั งสวมใส่สร้อยข้อมือของแบรนด์ให้ กับคนใกล้ตัว หรือคนรู้จัก จึงเกิด Word of Mouth ที่คนพูดถึงแบบปากต่อปากเอง และสามารถสร้างคอมมูนิตี้ให้กั บแบรนด์ จนเกิดยอดการสั่งซื้ออย่างต่ อเนื่องได้

การตลาดแบบ Omni Channel คือผสมผสานช่องทางการขายทั้ งออนไลน์ (Online) และการขายหน้าร้าน (Offline) เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กั บลูกค้าอย่างไร้รอยต่อ เพราะ “ระวิภา” (RAVIPA) ได้เล็งเห็นว่ารูปแบบการตลาดดั งกล่าว นั้นยังคงเหมาะสมกับสินค้าเครื่ องประดับเป็นอย่างมาก เนื่องจากยังมีผู้บริโภคบางกลุ่ มที่ยังนิยมการช้อปปิ้ งแบบมาลองสวมใส่ หรือหยิบจับสินค้าของจริงที่ร้ าน ก่อนตัดสินใจซื้อในภายหลัง

สำหรับอนาคต “ระวิภา” (RAVIPA) ตั้งเป้าไว้ว่าในปีหน้าจะบุ กตลาดต่างประเทศอย่างเต็มตัว เนื่องจากกระแสตอบรับที่ผ่ านมาค่อนข้างดี มีชาวต่างชาติที่รู้จักแบรนด์ เป็นจำนวนมาก การเปิดหน้าร้านที่ต่างประเทศจึ งเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ใหม่ที่ จะช่วยผลักดันให้ยอดขายเติบโตขึ้ น และเปิดโอกาสให้ลูกค้าชาวต่ างชาติได้เห็นเครื่องประดับของ “ระวิภา” (RAVIPA) เพราะสำหรับเครื่องประดับแล้ว การได้เห็นสินค้าจริง จะสามารถสัมผัสได้ถึงความปราณี ตของชิ้นงานที่เกิดจากฝีมื อของคนไทย